เทศน์เช้า วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมถึงมีธรรมะมีสัจธรรมเผื่อแผ่พวกเรา ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ตายังมืดบอด ยังอวดดี ยังคิดว่าตัวเองมีความสามารถ
แต่เพราะมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างสมบุญญาธิการมาเป็นพระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย การสร้างสมบุญญาบารมีมา การสร้างสมอันนี้ การสร้างสมอันนี้คือการเตรียม คือการเตรียมหัวใจให้พร้อม ถ้าการเตรียมหัวใจให้พร้อม หัวใจที่มีอำนาจวาสนา เห็นไหม หัวใจที่มีอำนาจวาสนา เวลาเกิดแล้วไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย คนที่มีอำนาจวาสนามันมีความคิดนะ ฝ่ายตรงข้ามไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
สัจธรรมๆ เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องธรรมดาต่อเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสรู้ธรรม ทุกคนก็อยากมีชีวิตยืนยาว ทุกคนก็พยายามจะหายาอายุวัฒนะมาค้ำจุนชีวิตของตนๆ ไง
แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้วนะ ร่างกายนี้ต้องเสื่อมสภาพไปเป็นธรรมดา สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นต้องดับไปเป็นธรรมดา สิ่งที่ดับไปนะ ดับไปแล้วมันเหลืออะไรไว้ล่ะ มันเหลือแต่ภาพประทับใจ เหลือแต่ภาพประทับใจใช่ไหม ภาพประทับใจนี้ก็ทำชั่วไง ใครทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วไง
ใครทำคุณงามความดีนะ มันก็ฝังหัวใจนั้นไปไง พอฝังหัวใจนั้นไปก็เป็นทิพย์สมบัติๆ ไง ที่ว่าสิ่งที่เป็นทิพย์ๆ น่ะ เป็นทิพย์เพราะมันฝังหัวใจนี้ไปไง แต่บาปอกุศลนะ บาปอกุศลมันเป็นอกุศล มันก็ฝังหัวใจนั้นไปไง พอฝังหัวใจนั้นไป จิตที่ต่ำต้อย จิตที่มันมีแต่อกุศลมันหนักหน่วง ของหนักมันมีแต่จมลงต่ำทั้งนั้นน่ะ ของที่มันเบา ของที่มันเหมือนปุยนุ่นมันขึ้นสูง
สุคโตๆ ถ้าปัจจุบันสุคโตใช่ไหม ชีวิตของเราสุคโต ชีวิตของเราอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ถ้าเราตายไปมันก็ร่มเย็นเป็นสุขไง ถ้าชีวิตเรามีแต่ความทุกข์ความยาก มันจะตายไปไหน ตายไปด้วยความทุกข์ความยากทั้งนั้นน่ะ เวลาความทุกข์ความยากนะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนตรงนี้ไง สอนขัดกับกิเลส ขัดแย้งกับกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ของกูๆ นี่กิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันจะแสวงหามาเพื่อมันๆ แล้วไม่มีสิ่งใดเป็นของมันเลย ไม่มี มันเป็นสมบัติสาธารณะ
ใครที่มีอำนาจวาสนา พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เขาแสวงหามาสิ่งใดแล้วเขามีแต่น้ำใจเป็นสาธารณะ น้ำใจเผื่อแผ่เพื่อสร้างอำนาจวาสนาบารมี แม้แต่เป็นสัตว์ก็เป็นหัวหน้าสัตว์ เป็นหัวหน้าสัตว์ก็คุ้มครองฝูงไง เวลาฝูงมีภัยอันตรายนะ หัวหน้าฝูงนั้นยอมเสียสละเพื่อฝูง นี่ไง เวลาเป็นสัตว์ยังมีความรู้สึกนึกคิดขนาดนั้น แล้วเป็นมนุษย์ พระโพธิสัตว์ ศีลธรรมสิ่งที่ดีงามๆ สิ่งที่หามาเป็นสมบัติสาธารณะ หามาเพื่อสร้างประโยชน์กับสาธารณะ แล้วสร้างประโยชน์กับสาธารณะ ผู้ที่ให้ ผู้ที่บริจาคผู้นั้นจิตใจที่เข้มแข็งๆ ไง
จิตใจที่อ่อนแอไง สิ่งใดก็ว่าเป็นของฉันๆ นะ สะสมหมักหมมไว้ไง แล้วไม่มีอะไรเป็นของฉันเลย เพราะว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งปวงต้องดับไปเป็นธรรมดา แม้แต่วัตถุธาตุ ไม่มีสิ่งใดคงที่เลย มันแปรสภาพของมันไป แปรสภาพของมันไปโดยที่ไม่มีใครได้ประโยชน์จากมันไง
แต่ถ้าเป็นของเรา ของเราแล้วเราเสียสละ เป็นของเราๆ วัตถุธาตุ เราได้เสียสละออกไป คนอื่นได้ใช้สอยเราไม่ได้ใช้สอยสิ่งใดเลย แต่สิทธิ์ของใคร อำนาจนั้นของใคร อำนาจของใครนะ
ในพระไตรปิฏก เวลาคนนะ คนที่ทุกข์ที่ยากเวลาตายไป พอตายไป ไปเจอคนรู้จัก เราก็รู้จักกันใช่ไหม ของนั้นเผื่อแผ่กันก็ได้ คำว่า “เผื่อแผ่กันได้” พอหยิบไป หายหมดๆ ไม่ได้ มันไม่ใช่ของเราไง เวลาอย่างนั้นเสียสละ เขาไม่ได้ด้วย เพราะมันเป็นทิพย์ มันเป็นอำนาจวาสนาบารมีของแต่ละบุคคล มันไม่ใช่ของเป็นสาธารณะ
แต่ในปัจจุบันนี้เราเกิดเป็นมนุษษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนให้มีน้ำใจต่อกัน คนที่มีน้ำใจต่อกันนะ เขาจะมีอำนาจวาสนาบารมีไง ดูคนข้างบ้านเราสิ เรามีแต่น้ำใจต่อเขาๆ คนข้างบ้านเขาอบอุ่นไปทั้งนั้นน่ะ เวลาคนข้างบ้านอบอุ่นไป เขาก็ระลึกถึงเรา นี่เรื่องของเสียสละทานๆ เพื่อความสงบร่มเย็นในสังคม แล้วเวลาคนเกิด แก่ เจ็บ ตายแล้วไปไหนล่ะ
เวลาคนเกิด แก่ เจ็บ ตายแล้ว สิ่งใดที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ถ้าไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันก็ต้องค้นคว้าต้องแสวงหาใช่ไหม
ดูสิ เวลาทางโลกเขา เจ้าหน้าที่เขาออกรบ เขาก็เสียสละเหมือนกัน เขาก็ตายเหมือนกัน ตายเพื่อความมั่นคงของชาติ นี่ผู้ที่เสียสละเขาเสียสละ เวลาภัยพิบัติ ผู้ที่ไปช่วยเหลือเจือจานเขาเสียสละชีวิตเขาเพื่อให้ชีวิตอื่นได้อยู่รอด เขาก็เสียสละเหมือนกัน แต่การเสียสละแบบนี้เป็นการเสียสละแบบโลก เป็นการเสียสละแบบวิทยาศาสตร์ไง
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมสัมพุทธเจ้าไม่ใช่เป็นอย่างนั้น ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องรื้อค้นไง ความรื้นค้นๆ เวลาว่าชีวิตนี้มาจากไหน ชีวิตนี้มาจากไหน ชีวิตนี้มาปฏิสนธิจิต จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ การกำเนิด ๔ ในครรภ์ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะ เห็นไหม กำเนิด ๔ เป็นอาหาร ๔ เราถึงต้องแสวงหาปัจจัยเครื่องอาศัยเพื่อดำรงชีวิต ดำรงชีวิตไว้ทำไม
นี่ไง สิ่งที่มีค่าๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนตรงนี้ไง สิ่งที่มีค่าคือชีวิตของเรา ชีวิตของเรามันอยู่ที่ไหน ชีวิตของเรานะ เราเกิดมาจากใคร ก็เกิดจากพ่อจากแม่ แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมาสัมพุทธเจ้าว่าเกิดจากกรรม ใครเป็นคนกระทำ ที่ว่าเป็นทิพย์สมบัติๆ ที่พระโพธิสัตว์สร้างมา สร้างมาแต่ละภพแต่ละชาติ เวลาเกิดขึ้นมาแล้วเกิดดีงาม เกิดเป็นจักรพรรดิ เห็นไหม ความเกิดนั้นเกิดด้วยบุญกุศล แต่เวลาเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นมาเพื่อสร้างสมบารมี เป็นเตมีย์ใบ้ นี่ขันติบารมี เวลาจะสร้างบารมี สร้างบารมีอย่างนั้น การสร้างบารมีเพื่อให้จิตใจนี้พร้อมไง
นี่ก็เหมือนกัน ชีวิตนี้มาจากไหนๆ ก็มาจากจิตดวงนี้ที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มันมาจากอะไร มาจากเวรกรรมของตน มาจากการกระทำน่ะ กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กันนะ เราเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่นิสัยใจคอไม่เหมือนกัน อำนาจวาสนาของคนไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนกันเพราะอะไร ไม่เหมือนกันเพราะเราทำมา ไม่ต้องไปโทษใครทั้งสิ้น ไม่ต้องไปโทษพ่อโทษแม่โทษใครทั้งสิ้น “ทำหนูไม่ดี ทำหนูไม่ดี หนูเกิดมาไม่เป็นเหมือนเขา”...ไม่ใช่ เอ็งทำของเอ็งมาเอง เอ็งทำของเอ็งมาเอง ถ้าเอ็งทำดี หัวใจเอ็งจะประเสริฐ หัวใจเอ็งจะคิดแต่ที่ดีๆ
เราดูเด็กกตัญญูๆ มันอายุ ๗ ขวบ ๘ ขวบ มันวิ่งไป ๕ กิโล ๑๐ กิโลเพื่อมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวญาติพี่น้องของเขา เด็กกตัญญูมันไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจนะ เด็กกตัญญูมันไม่เคยโทษพ่อโทษแม่มันนะ หัวใจที่เขาสร้างมาแบบนั้นไง แต่เด็กที่ไม่กตัญญู เด็กที่ไม่ดี เวลาพ่อแม่เจ็บไข้ได้ป่วยมันก็หนีไปเลย มันก็มีทั้งนั้นน่ะ นี่เขาสร้างของเขามา เราก็สร้างหัวใจเรามา ถ้าเราไม่ได้สร้างหัวใจเรามา เราไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์หรอก
การเกิดเป็นมนุษย์นี้เป็นอริยทรัพย์ เพราะมนุษย์มีสมอง มนุษย์มีการค้นคว้า มีการขวนขวาย แล้วการขวนขวายนะ ขวนขวายด้วยทางโลกๆ ขวนขวายด้วยสมองนะ แหม! ฉันเป็นศาสตราจารย์ ฉันมีชื่อไว้ในประวัติศาสตร์
ถ้ามีชื่อไว้ในประวัติศาสตร์เป็นสัจจะเป็นความดีเพื่อสังคม อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ แต่ถ้าสิ่งนี้มันเป็นวิชาชีพ มันเป็นโลกียปัญญา ปัญญาของโลกๆ ปัญญาในสถานะของมนุษย์ มนุษย์เกิดมามีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ คือความคิด ความคิดเกิดจากจิต ในเมื่อมันมีภวาสวะ มีภพ มีจิต จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ มาเกิดเป็นมนุษย์ พอเกิดเป็นมนุษย์ก็ปัจจุบัน พอปัจจุบันนี้เราก็คิดได้ด้วยสมอง คิดได้ด้วยปฏิภาณ คิดได้ด้วยอำนาจวาสนาที่สร้างมานั่นน่ะส่วนหนึ่ง
แต่ถ้าคนมีอำนาจวาสนามากไปกว่านั้น ดูสิ เวลาจักรพรรดิๆ เขาเสียสละทรัพย์สมบัติของเขา ในสมัยพุทธกาลใช่ไหม กษัตริย์ก็ออกบวช ออกบวชเพราะอะไร เพราะการปกครอง การคุ้มครองดูแลมันเป็นความทุกข์ความยากทั้งนั้นน่ะ การออกบวชๆ ออกบวชเพื่ออะไร ออกบวชเพื่อประพฤติปฏิบัติไง
งานของพระๆ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาหาหัวใจของตน ถ้าใครหาหัวใจของตนยังไม่พบ ทรัพย์สมบัติของเราจะเกิดขึ้นมาไม่ได้ ทรัพย์สมบัติจะเกิดขึ้นมาได้มันต้องมีเจ้าของสิทธิ์ เราจะมีทรัพย์สมบัติ เราต้องมีสิทธิ์ เราต้องมีบัญชี เราถึงได้คุ้มครองทรัพย์ของเราได้ ใครจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ทำความสงบของใจๆ ค้นคว้าหาใจของตนให้เจอ ถ้าค้นคว้าหาใจของตนให้เจอคือทำความสงบของใจ คือทำสมาธิ การทำสมาธิๆ ศีล สมาธิ ปัญญา
ปัญญาที่เกิดขึ้นกับเรา ปัญญามันเกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ นี่ปัญญาของมนุษย์ไง มนุษย์มีสมอง มีความคิด ไอ้นี่คืออาชีพ เลี้ยงกิเลสด้วย เลี้ยงกิเลสให้ตัวพองๆ อยากใหญ่อยากโต อยากมีอำนาจวาสนา นี่เลี้ยงกิเลส
แต่ถ้าเลี้ยงหัวใจล่ะ เลี้ยงหัวใจ มันมีสติมีปัญญา เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดา แล้วมันธรรมดาจริงหรือเปล่าล่ะ มันธรรมดาไม่ได้หรอก คนเรากลัวตายทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้าคนมีอำนาจวาสนานะ เขาเสียสละชีพเพื่อชาติ สละชีพเพื่อสังคม เขาสละชีพของเขา นั่นคือหัวใจเขายิ่งใหญ่ แต่ยิ่งใหญ่แล้วเขาก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เพราะการตายอย่างนั้นการตายของวัฏฏะไง การตายของโลกไง มันไม่ใช่การตายของกิเลสไง ถ้าการตายของกิเลส
นี่ไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง การเกิดเป็นมนุษย์ไง ถ้าการเกิดเป็นมนุษย์ต้องมีการค้นคว้า มีการแสวงหานะ ถ้ามีการแสวงหา หน้าที่การงานของเรา เราก็ต้องแสวงหา ทำมาเพื่อพวกเราใช่ไหม
นี่ก็เหมือนกัน การประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศึกษาแล้วทรงจำธรรมวินัยนี้ไว้ ปริยัติคือการศึกษา ศึกษาเพื่อให้มั่นคง ศึกษาให้มีปัญญา มีปัญญาแล้วนั่นเป็นสมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ถ้าเป็นทางโลกต้องเสียค่าลิขสิทธิ์
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีกำมือในเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแบตลอด แบให้เราค้นคว้า แบให้เราไง ปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ไง ถ้ารื้อสัตว์ขนสัตว์ ศึกษามาแล้วเป็นโลกียปัญญา ปัญญาโลกๆ ไง เราทำความสงบของใจเข้ามา ทำความสงบของใจไม่ได้ด้วย เวลาจะทำความสงบของใจเข้ามา “อ๋อ! ธรรมะเป็นอย่างนี้เอง” มันตอบโจทย์หมดเลย นี่คืออุปาทาน นี่คือการสร้างภาพ นี่คือการกิเลสหลอก
นี่ไง เวลากิเลสบังเงาไง เวลากิเลสบังเงามันก็อ้างธรรมะพระพุทธเจ้า อ้างปัญญา อ้างความรู้ของตน ไม่รู้อะไรเลย คนเรียนจบมาแล้วทำสมาธิไม่เป็น คนเรียนจบแล้วหาหัวใจของตนไม่เจอ รู้แต่ว่าทุกข์ๆๆ เวลาทุกข์นั่นน่ะกิเลสมันคายพิษ นี่มันเงาของใจไง ความคิดเกิดจากจิต ไม่ใช่จิต ถ้าความคิดเป็นจิต เวลาความคิดเราลืมไปว่าต้องตาย คนเราเดี๋ยวก็คิดได้ เดี๋ยวก็ลืม แล้วมันมาจากไหน มันเกิดจากจิตๆ เกิดจากภวาสวะไง
ถ้าทำความสงบใจเข้ามา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ มันก็เป็นความคิดอันหนึ่ง เวลามันคิดร้อยแปด คิดแต่ไปกว้านเอาความทุกข์ยากมาเพื่อตนเอง เราก็คิดถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกออกโธ พุทธานุสติ ให้คิดอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตัวเป็นๆ ในหัวใจของเรา พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ผู้รู้ ผู้รู้คือจิตนั่นน่ะ แต่ผู้รู้มันทรงตัวเองไม่ได้มันถึงจะต้องพึ่งพิงอารมณ์ไง ธาตุรู้นั้นมันก็เลยพาดพิงกับอารมณ์ความรู้สึกออกมาตามอายตนะไง ก็มาอวดรู้อวดเห็นกันอยู่นี่ไง แล้วธรรมะมันก็อ้างอิงไง แล้วมันก็บอกมันรู้ๆ...ไม่รู้อะไรเลย
แต่ถ้าจิตสงบเข้ามาแล้ว มันสงบเข้ามานะ มันเป็นอิสรภาพ มันพ้นจากความคิดของเราเอง เฮ้ย! นี่อะไรเนี่ย เฮ้ย! ถ้าคนทำสมาธิใหม่ๆ นะ เฮ้ย! นี่อะไรเนี่ย มันมหัศจรรย์ของมันไง นี่ไง หาใจของตนให้เจอ หาใจของตนให้เจอนี่ไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ไง รื้อสัตว์ขนสัตว์ก็การไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ต้องจิตดวงนั้นไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ไม่ใช่สถานะความเป็นมนุษย์นี้ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย สถานะความเป็นมนุษย์เกิดแล้วต้องตายทั้งหมด แต่จิตดวงนั้นถ้าทำความสงบของใจเข้ามา พอใจสงบแล้วยกขึ้นสู่วิปัสสนา เกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากจิต ไม่ใช่ปัญญาเกิดจากสัญชาตญาณ เกิดจากความคิด ปัญญาเกิดจากจิตนี่มหัศจรรย์
ความมหัศจรรย์อันนี้ เวลาหลวงตาท่านเทศนาว่าการ เวลาปัญญามันหมุน ธรรมจักรมันเคลื่อนไป เราจะเห็นแต่ธรรมจักรเป็นหินแกรนิตที่เขามาแกะกันเป็นรูปธรรมจักร เราจะไม่เห็นธรรมจักรที่มันบดบี้กิเลสในใจของสัตว์โลก ธรรมจักรอันนี้มันจะบดบี้กิเลส แล้วมันต้องสร้างขึ้นมาโดยเป็นปัจจุบัน ปัจจุบันของจิตดวงนั้นไง จิตดวงใดก็แล้วแต่ มันจะพ้นจากสภาวะของกิเลสโดยจิตดวงนั้นเป็นผู้แก้ไข องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเป็นผู้ชี้ทาง ปรารถนาจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ สัตว์โลกที่ยังข้องอยู่ในวัฏฏะนี้จะต้องพยายามฝึกฝนตัวเองขึ้นมาให้มีสัจธรรมขึ้นมาอันนี้
ใครเป็นเจ้าของสิทธิ์ คนนั้นก็ได้รับครองสิทธิ์นั้น ใครหาสมบัติมาได้เป็นความจริง คนนั้นก็เป็นเจ้าของสมบัตินั้น ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติดวงใจใดก็แล้วแต่ เกิดศีล สมาธิ ปัญญาขึ้นมาจากตามความเป็นจริง มันถึงจะเป็นสมบัติของใจดวงนั้น มันถึงเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก ไม่ต้องใครยืนยัน แต่มันต้องคนรู้จริงกับคนรู้จริงเขาได้ยินได้ฟังมา เขาถึงจะยอมรับความเป็นจริงอันนั้น ไอ้พวกเราขี้โม้ นักปฏิบัติขี้โม้ เวลาโม้ โม้ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ พุทธพจน์ๆ นะ ห้ามขัดแย้ง ห้ามโต้แย้งนะ พุทธพจน์
สาธุ! พุทธพจน์ ถ้าไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรม พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม เป็นสงฆ์องค์แรกของโลก มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นแก้วสารพัดนึกให้พวกเราได้เป็นที่พึ่งอาศัย
ถ้าแก้วสารพัดนึกนะ เป็นวัฒนธรรมประเพณีให้สังคมไทยที่พึ่งพาอาศัยกันร่มเย็นเป็นสุขที่ให้เราเกิดมาในประเทศไทยนี้ นี่พูดถึงโดยธรรมชาติมันเป็นพื้นฐาน เห็นไหม “ธรรมะเป็นธรรมชาติๆ” กิเลสก็เป็นธรรมชาติ การเกิด แก่ เจ็บ ตายก็เป็นธรรมชาติ แต่เวลาจะเป็นสัจธรรมขึ้นมา เราต้องสร้างสมขึ้นมาให้มันเป็นจริงในใจของเราขึ้นมา ถ้ามันเป็นจริงในใจเราขึ้นมา นี่มันอยู่ที่วาสนาที่เรามาสร้างบุญกุศลกันอยู่นี่ไง ผู้ที่ปรารถนาพระโพธิสัตว์เขาปรารถนาของเขา การเสียสละทาน การเสียสละออกไป ผลที่มันเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นมาจากเจตนาของเรา เกิดขึ้นมาจากจิตของเราเข้มแข็ง จิตของเราแข็งแรงขึ้นมา
จิตของเราอ่อนแอขึ้นมา ทำอะไรก็ไม่ได้ เจ็บปวดแสบร้อนไปทั้งนั้น จิตของเราอ่อนแอทำสิ่งใดก็ไม่ได้ กิเลสมันทับถมทั้งนั้น กิเลสมันเหยียบย่ำหัวใจของเราทั้งนั้น เพราะอะไร เพราะจิตใจเรามันอ่อนแอไง การเสียสละ ทาน ศีล ภาวนา เราฝึกหัดของเราให้จิตเราเข้มแข็งขึ้นมา ให้จิตเราแข็งแรงขึ้นมา พอจิตของเราแข็งแรงขึ้นมา เวลามันมีความปรารถนา มีสัจจะมีความจริงขึ้นมา มันก็จะแสวงหา
การแสวงหา นี่ไง พระพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัจธรรมๆ มันมีอยู่จริง ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ยิ่งใหญ่ ใครไม่มีอำนาจวาสนาไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธมันอยู่ที่ไหน ศาสนาพุทธมันอยู่ในกลางหัวอกของทุกๆ คน พุทธะๆ พุทธะคือความรู้สึก นี่ไง มันยิ่งใหญ่ที่นั่นน่ะ เป็นปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ถ้ามันยิ่งใหญ่ๆ มันรื้อสัตว์ขนสัตว์ไง
ถ้าทุกคนเป็นคนดีทั้งหมด ประชาชนทุกคนเป็นพระอริยบุคคลทั้งหมด โอ้โฮ! โลกนี้จะสุขขนาดไหนก็ไม่รู้เนาะ แต่มันต้องเกิดจากการกระทำไง เกิดจากความจริงจังของเราไง เราพูดเพราะเราเห็นว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ศาสนาของเรามันประเสริฐมาก มันยิ่งใหญ่มาก มันแก้ไม่เกิดไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย มันทำถึงว่าไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีวิมุตติสุข มันมียิ่งใหญ่ ถ้าเป็นสินค้าทางโลกนะ มันยิ่งใหญ่มาก มันประเมินค่าไม่ได้ สินค้ามันประเมินค่าไม่ได้ มันมีคุณภาพ แต่ชาวพุทธทำอะไรกันอยู่ ชาวพุทธทำอะไรกัน
นี่ไง เราเป็นเจ้าของศาสนานะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาไว้กับบริษัท ๔ เราเป็นเจ้าของศาสนานะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากไว้ แต่เราต้องขวนขวายกระทำให้มันเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ถ้าเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา มันจะมีคุณค่าไง ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคตนะ แค่ทำความสงบของใจเข้ามา เราไปได้ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตัวเป็นๆ เลยล่ะ พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พุทธะในหัวใจของเรา
หลวงตาท่านเทศน์บ่อย แล้วเราชอบมาก หัวใจนี้เรียกร้องความช่วยเหลือ หัวใจของมนุษย์มันเรียกร้องหาคนช่วยเหลือ คนจะช่วยเหลือมันได้คือเจ้าของคนคนนั้นเอง ด้วยการฝึกหัดภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา เข้าไปช่วยเหลือค้นคว้าให้หัวใจของเรามีความสุขบ้างพอสมควรตามอัตภาพของคนที่ทำได้ เอวัง